Search

ORI ร่วงแรงกว่ากลุ่ม... แต่จับตาพื้นฐานอาจสวนทาง! - efinanceThai

cicientertaiment.blogspot.com

เช้านี้ราคาหุ้น ORI ปรับร่วงแรงกว่ากลุ่ม .. จับตาพื้นฐานบริษัทอาจเป็นคนละเรื่อง! เพราะแนวโน้มกำไรปรับลดลงน้อยกว่ากลุ่ม ล่าสุดพบนักวิเคราะห์ตัดสินใจเพิ่มเป้ากำไรปีนี้ หลังมองยอดขายปีนี้อาจโตทะลุเป้า 2.1 หมื่นลบ. พร้อมรับรู้รายได้ครึ่งปีหลังทันที ด้านผู้บริหารยันแม้เปิดโครงการเพียบ แต่ฐานะการเงินยังแกร่ง อาจลด D/E ปีนี้ได้เหลือ 1.3 เท่า


*** ORI ร่วงแรงกว่ากลุ่ม สวนโบรกฯปรับกำไรขึ้น


เช้านี้ราคาหุ้นบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดตลาดดิ่งหนักตามตลาดหุ้นไทย ลงไปทำจุดต่ำสุดรอบเช้านี้ที่ 4.98 บาท(-6.42%) ก่อนปิดช่วงเช้านี้ไปที่ 5.10 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -3.77%


ราคาหุ้นของ ORI เช้าวันนี้ถือว่าปรับลดลงมากกว่าหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหุ้นที่มีความแข็งแกร่งกว่าอย่าง AP และ SPALIราคาหุ้นที่ปรับลงแรงกว่ากลุ่มเช่นนี้ สะท้อนว่านักลงทุนมองข้ามพื้นฐานของ ORI ไปอย่างน่าเสียดาย


เพราะล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคทีบี ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 63 ของ ORI ขึ้นจากเดิมอีก 10% มาเป็น 2.3 พันล้านบาท แม้จะหดตัว -24% YoY แต่ถือว่าทำได้ดีกว่ากลุ่มมาก เพราะหากมองที่กำไรปกติ ORI จะลดลงเพียง -18% YoY ขณะที่กำไรปกติของกลุ่มจะลดลงถึง -30% YoY


*** ยอดขายปีนี้ มีโอกาสทะลุเป้า!


สาเหตุที่ทำให้ บล.เคทีบี ตัดสินใจปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น ก็คือ ยอดขายที่มีโอกาสทำได้มากกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าไว้ 2.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากแม้ในช่วงครึ่งปีแรกจะเปิดโครงการใหม่ไปเพียง 2 โครงการ มูลค่า 4 พันล้านบาท แต่บริษัทสามารถทำยอดขายไปได้ถึง 9 พันล้านบาท(+18% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 42% จากเป้ายอดขายทั้งปี


ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ORI จะเปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีคอนโด 4 โครงการ มูลค่ารวม 7.9 พันล้านบาท จึงน่าจะเข้ามาช่วยผลักดันยอดขายทั้งปีให้เติมโตได้มากกว่าเป้าหมายได้


ส่วนแผนการเปิดโครงการในปีหน้า บล.ทิสโก้ ระบุว่า ORI ยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ แต่จะหันมารุกแบรนด์ The Origin มากขึ้น  แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการเปิดโครงการที่เป็นบ้านกว่า 60% ตามแนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมที่หดตัวลง 30 – 40% ในปีนี้ ดังนั้นโครงการใหม่ในปีหน้าจะเน้นเจาะพื้นที่ส่วนต่อขยายของระบบขนส่งมวลชนเป็นหลัก


*** โบรกฯชมปรับตัวทันโควิด-19 คาดผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม


บล.เคทีบี ระบุเพิ่มเติมว่า ORI จะมียอดขายรอโอน(Backlog)ที่สามารถรับรู้เป็นรายได้ช่วงไตรมาส 2 - 4/63 อยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งครอบคลุมประมาณการรายได้ทั้งหมดของเราแล้ว ดังนั้นระยะสั้นกำไรปกติในไตรมาส 2/63 จะยังทรงตัว QoQ เนื่องจากยังมีคอนโดใหม่เริ่มโอนน้อย


แต่ยอดขายที่ทำได้ในเดือน เม.ย.-พ.ค. จะเริ่มโอนในครึ่งหลังของปี และจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนค่อนข้างมากด้วย ทำให้กำไรครึ่งหลังของปี 63 กลับมาเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง


บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า มีมุมมองเป็นบวกต่อยอด Presales ในช่วง 5 เดือนแรกของปีที่เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ทำได้สูงถึง 2,400 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 90% จากปีก่อน ทำให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอนรองรับรายได้ที่เราประมาณการไว้แล้ว สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมองว่าในช่วงที่เหลือของปี 63 บริษัทจะมีผลประกอบการที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง


*** ผู้บริหารยังอนุรักษ์นิยม ... ไม่ปรับเพิ่มเป้า


จากการสำรวจล่าสุดพบว่า นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI  ยังไม่ปรับเพิ่มเป้ายอดขายขึ้นตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยยังยืนยันว่ายอดขายในปี 63 ยังจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 21,500 ล้านบาท


สาเหตุสำคัญที่ผลักดันยอดขายของ ORI ให้เติบโตโดดเด่น เนื่องจากการปรับกลยุทธ์มาใช้การตลาดเชิงรุก และนำสินค้าขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ เปิด Official Store บนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada และการพัฒนาพนักงานให้สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางสื่อสารส่วนบุคคลได้


*** ORI ยันฐานะการเงินแกร่ง D/E ต่ำ 1.53 เท่า ตั้งเป้าทั้งปีลดเหลือ 1.3 เท่า 


นายพีระพงศ์ ระบุต่อว่า แม้จะมีการเปิดโครงการครึ่งปีหลังอีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,700 ล้านบาท แต่ปัจจุบันฐานะการเงินยังแกร่งเพียงพอ โดยปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ต่ำ โดยปัจจุบันอยู่ที่ 1.53 เท่า ขณะที่สิ้นปีนี้จะลดให้อยู่ที่ 1.3 เท่า ซึ่งทำให้ ORI มีความสามารถในการกู้จากสถาบันการเงินได้อีกมาก ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนเพิ่ม


นอกจากนี้ ORI ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง หรือการชำระหุ้นกู้ แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมปีนี้มีปัญหาด้านสภาพคล่อง จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19  


*** โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 6.33 บาท


ด้วยประเด็นบวกจากยอดขาย และการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของ ORI ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ให้ความเห็นไปในทางเดียวกันคือแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายปี 63 เฉลี่ยที่ 6.33 บาท คิดเป็นมีอัพไซด์ถึง 24%

บล. แนะนำ ราคาเหมาะสม(บ.)
เคทีบี(ประเทศไทย) ซื้อ 7.30
ทิสโก้ ซื้อ 6
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 6.40
ดีบีเอส วิคเคอร์ส ถือ 5.20
เอเชีย เวลท์ ซื้อ 6.90
เอเซีย พลัส ซื้อ 6.30
คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 6.20
เฉลี่ย 6.33

ตามปกติราคาหุ้น ORI ซื้อขายต่ำกว่าราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินไว้ที่ 6.33 บาทอยู่แล้ว แต่ราคาหุ้นที่ร่วงแรงตามตลาดในวันนี้ ยิ่งเป็นจังหวะที่ดีหากนักลงทุนจะเข้าเก็บหุ้น ORI เพราะพื้นฐานยังแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะยอดขายปีนี้ทะลุเป้าที่บริษัทตั้งเอาไว้ 21,500 ล้านบาท และจะเริ่มรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ !




June 12, 2020 at 01:51PM
https://ift.tt/3fhQRxQ

ORI ร่วงแรงกว่ากลุ่ม... แต่จับตาพื้นฐานอาจสวนทาง! - efinanceThai

https://ift.tt/39JQ0CU


Bagikan Berita Ini

0 Response to "ORI ร่วงแรงกว่ากลุ่ม... แต่จับตาพื้นฐานอาจสวนทาง! - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.