Search

SEAFCO พุ่งสวนตลาด ซื้อตอนนี้ต้องระวังอะไรบ้าง? - efinanceThai

cicientertaiment.blogspot.com

ราคาหุ้น SEAFCO วานนี้ นอกจากจะปรับตัวขึ้นแรงแล้ว ยังเป็นการปรับตัวขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นที่ติดลบหนัก และหุ้นในกลุ่มธุรกิจรับเหมาฯเสาเข็มด้วยกัน แต่การเข้าลงทุนในราคานี้จะคุ้มหรือไม่ ต้องมาดูว่ามีอะไรดีๆรออยู่บ้าง? และมีอะไรที่ต้องระวัง!


*** ราคาหุ้นดีดทำนิวไฮรอบ 9 เดือน


ราคาหุ้น บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO วันทำการล่าสุด (30 ก.ค.63) หลังจากเปิดตลาดก็กระโดดบวกต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดของวันไปที่ 7.10 บาท ทุบสถิตินิวไฮรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่ ก.ย.62 ก่อนปิดตลาดไปที่ 7 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือ +6.87% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้น 661.41% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า 


นอกจากราคาหุ้นจะบวกแรงแล้ว ยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในวันที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงถึง 22.61 จุด หรือ -1.69% อีกด้วย และยังสวนทางกับหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างงานเสาเข็มด้วยกัน


*** ลงทุนตอนนี้ มีอะไรดีๆรออยู่ ?


สิ่งที่ทำให้ SEAFCO น่าสนใจในช่วงนี้ก็คือ งานก่อสร้างใหม่ๆ ที่บริษัทจะประมูลได้นั่นเอง ซึ่งราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงผิดปกติเช่นนี้ นักลงทุนอาจต้องจับตาให้ดีว่าบริษัทเริ่มมีความชัดเจนในการรับงานใหม่ๆเข้ามาแล้วหรือยัง หรือจะเป็นเพียงการเก็งกำไรจากสัญญาณทางเทคนิคเท่านั้น


มีงานใหม่ให้ลุ้นเยอะ


สิ่งที่พอจะอธิบายราคาหุ้นที่ขึ้นแรงในวันนี้ได้ก็คือ บริษัทอาจมีความคืบหน้าในการรับงานโครงการใหม่ๆเข้ามาแล้วนั่นเอง เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่า SEAFCO จะได้รับประโยชน์จากงานใหม่ตั้งแต่เดือน ก.ค.63 เป็นต้นไป 


โดยบริษัทหลักทรัพย์(บล.)บัวหลวง ระบุว่า SEAFCO เป็นผู้รับเหมางานรากฐาน จะได้ประโยชน์ทางตรงจากการเปิดประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่จะออกมาตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป สำหรับ SEAFCO เรามองว่านอกจากปัจจัยหนุนภาพอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว จากงานที่มีในมือ(Backlog) ที่มีมากกว่า 2 พันล้านบาท รองรับรายได้ที่เราคาดการณ์ไว้ทั้งหมดแล้ว และแนวโน้มกำไรที่จะเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลังจากการเริ่มงานขนาดใหญ่ "เซ็นทรัล เอ็มบาสซี"


นอกจากนี้ บล.หยวนต้า ระบุว่า SEAFCO ได้เข้าร่วมเป็นผู้รับเหมาช่วง(Sub-Contractor)ในการรับงานฐานรากทั้งกำแพงกันดิน และเสาเข็ม กับกลุ่มผู้รับเหมารายใหญ่ เช่น CK และ STEC หลายโครงการ ล่าสุดคืองานรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยในปีนี้จะมีความคืบหน้าของงานประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย คาดทราบผลผู้ได้รับงานภายในปี มีมูลค่าเฉพาะงานฐานรากราว 1 - 1.5 พันล้านบาท เป็นโอกาสต่องานใหม่ในปี 64


ทั้งนี้ ยังมีโครงการที่คาดเห็นกรอบเวลาการประมูลภายในปี 63 คือโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่อขยาย และในปี 64 คาดเห็นความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีแดงต่อขยายและสายสีน้ำตาล ซึ่งเป็นการต่อยอดงานใหม่ของ SEAFCO ให้มีความต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า


ต่างด้าวคัมแบค รับงานได้มากขึ้น


บล.เคจีไอ ระบุว่า จากการตรวจสอบล่าสุดกับผู้รับเหมาหลายแห่ง ได้รับการยืนยันว่าแรงงานต่างด้าว 20 - 30% ของแรงงานไร้ฝีมือ เดินทางออกจากประเทศไปไทยในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในไตรมาส 2/63 ดังนั้น ปัญหาคอขวดของจำนวนแรงงานจึงทำให้เกิดข้อจำกัดในแง่ผลิตภาพ


อย่างไรก็ตาม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีแผนจะผ่อนคลายมาตรการ Lockdown เฟสที่ 6 ซึ่งจะเปิดให้แรงงานต่างด้าวที่ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง และแปรรูปอาหารสำหรับขายในประเทศ และส่งออกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ โดยต้องกักตัว 14 วันในสถานที่กักตัวของรัฐ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการ Q4/63 ดีขึ้น และช่วยเพิ่มศักยภาพในการประมูลงานของบริษัทด้วย


*** แล้วมีอะไรต้องระวังบ้าง?


ห้างหั่นงบลงทุน เลื่อนเปิดโครงการ


ในช่วงโควิด-19 ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า และโรงแรมซึ่งเป็นลูกค้าส่วนหนึ่งของ SEAFCO เช่นกัน แม้จะไม่มีผลกับโครงการที่ได้อนุมัติไปแล้ว อย่างเช่น งานปรับปรุงศูนย์การค้า เซ็นทรัล พลาซ่า พระราม2  และโครงการ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี(ต่อขยาย)


แต่โครงการในอนาคตต้องยอมรับว่า SEAFCO จะได้รับผลกระทบจากการชะลอใช้งบลงทุนและการเลื่อนเปิดโครงการของผู้ประกอบการอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ CPN ที่ปรับลดการเปิดโครงการใหม่ๆออกไป


ค่าใช้จ่ายกักตัวต่างด้าวสูงมาก อาจกระทบอัตรากำไร


การคลาย Lockdown เฟสที่ 6 ช่วยหนุนความสามารถในการประมูลงานของบริษัทได้จริง เพราะต่างก้าวสามารถกลับมาทำงานในประเทศไทยได้ เพียงแต่ว่าจะต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อรายสูงถึง 13,200 - 19,300 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน แน่นอนว่าจะต้องกระทบกับอัตรากำไรของ SEAFCO


งบ Q2/63 ใกล้ประกาศ ไม่ดีแน่นอน


อีกประเด็นที่ต้องระวังงบไตรมาส 2/63 ที่จะออกมาหดตัวหนัก ถ้าตลาดยังไม่มองข้ามผลประกอบการตรงนี้ อาจทำให้ราคาหุ้นปรับลงได้ โดย บล.เคจีไอ ระบุว่า กำไรสุทธิของ SEAFCO ในไตรมาส 2/63 จะอยู่ที่ 77 ล้านบาท (-24.2% YoY, -20.0% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะจบงานโครงการ One Bangkok และรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเนื่องจากมีงานที่เน้นใช้แรงงานน้อยลง


*** ควรซื้อไหม?


หากอิงจากราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ก็ต้องบอกว่าไม่น่าลงทุนเท่าไหร่นัก เพราะแม้จะรวมโครงการต่างๆ ที่ SEAFCO มีโอกาสประมูลได้แล้ว ราคาเหมาะสมก็ไม่ได้สูงไปกว่าราคาปัจจุบันนัก

บล. ราคาเหมาะสม(บ.)
เคทีบี 6.80
ฟินันเซีย ไซรัส 6.90
บัวหลวง 7.30
เอเซีย พลัส 7.40
หยวนต้า 7.45
เฉลี่ย 7.17
ราคาล่าสุด 7
อัพไซด์ +2.42%


การเก็งกำไรจนราคาหุ้นพุ่งมาสูงเช่นนี้ หากไม่มีข่าวดีประกาศออกมารองรับ ราคาหุ้นก็ควรจะกลับไปสู่พื้นฐาน เพราะถึงจะมีข่าวดีอยู่มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่า SEAFCO เองก็มีข้อที่ต้องระวังอยู่มากเช่นกัน ดังนั้นหากนักลงทุนเข้าไปเก็งกำไรไม่ทันก็ไม่ควรเสียดาย!




July 31, 2020 at 09:21AM
https://ift.tt/339eIwU

SEAFCO พุ่งสวนตลาด ซื้อตอนนี้ต้องระวังอะไรบ้าง? - efinanceThai

https://ift.tt/39JQ0CU


Bagikan Berita Ini

0 Response to "SEAFCO พุ่งสวนตลาด ซื้อตอนนี้ต้องระวังอะไรบ้าง? - efinanceThai"

Post a Comment

Powered by Blogger.