เพจเฟซบุ๊ก PEACE NEWS โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า... เมื่อ 8 มิ.ย. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ PEACETALK โดยระบุถึงเสียง ส.ว.เรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่แบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินนั้น ถ้าทำจริงต้องเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้ระดมความเห็นแตกต่าง ได้ร่วมพูดคุยหาทางออกของประเทศ และขออย่าเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งเท่ากับเป็นเพียงคำลวงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
นายจตุพร กล่าวว่า การปฎิรูปของไทยช่วงที่ผ่านมานั้นหาความจริงไม่ได้ เพราะปฎิรูปไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว การที่ ส.ว.บางคนบอกให้ปฏิรูปแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ตนเชื่อว่า การปฏิรูปต้องมุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศ และต้องไม่หยิบยกขึ้นมาพูดกันแบบลอยๆ
โดยที่ผ่านมา คำว่าปฏิรูปถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือการเมือง เพื่อไปบรรลุสู่เป้าหมายอย่างหนึ่งของบางกลุ่ม แต่ครั้งนี้ถ้าต้องการปฏิรูปกันจริงแล้ว ควรระดมความคิด หาความร่วมมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทุกด้านของประเทศ และที่สำคัญการปฏิรูปต้องไม่อยู่เฉพาะกลุ่มของ สว.หรือฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น
นายจตุพร กล่าวว่า หลักสำคัญวันนี้ คือความเชื่อมั่นภายในประเทศถ้าไม่เกิด ก็สิ้นหวังกันหมด เพราะรายได้ด้านท่องเที่ยวพินาศย่อยยับ นักท่องเที่ยวต่างประเทศไม่มีมาเที่ยว รายได้จากส่งสินค้าออกของประเทศหดหาย ดังนั้น หากคนในประเทศไม่ระดมความคิดเห็นตั้งต้นวางแผนนับหนึ่งกันใหม่แล้ว ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
"เมื่อบ้านเมืองเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ปฎิรูปก็ไปไม่รอด เพราะปัญหาไม่ได้อยู่แต่เฉพาะหน้าที่เห็นกัน จึงต้องระดมความคิดทุกฝ่าย โดยรับฟังซึ่งกันและกัน เพราะถ้าไม่ร่วมมือกันแล้ว ไม่มีรัฐบาลไหนมาแก้ปัญหาของประเทศได้เลย เนื่องจากทุกฝ่ายก็ยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่หนักที่สุดแล้ว"
รวมทั้ง เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต้องมองข้ามประโยชน์ของคนใดคนหนึ่ง ทุกความเห็นต้องร่วมมือเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติจะหาทางรอดได้อย่างไร ดังนั้น ทุกความขัดแย้งและความคิดที่แตกต่างกันควรต้องกล้าเปิดกว้างและฟังความจริงกันทุกฝ่าย จึงจะเกิดการปฎิรูปได้
ถ้าเสนอโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งการฏิรูปเกิดไม่ได้ ส่วนข้อเสนอว่า การปฏิรูปโดย ส.ว.นั้น คนฟัง ได้ยินก็หัวเราะแล้ว เพราะไม่มีใครเชื่อกันอีก ดังนั้น การปฎิรูปจะเป็นจริงได้ต้องระดมความคิดทุกฝ่าย ซึ่งอย่างน้อยได้ความเชื่อมั่นในประเทศกลับมาอย่างแน่นอน
“เมื่อหยิบเรื่องการปฏิรูปขึ้นมา ถ้าเอาแต่พูดแล้วจบแบบเดิมเสียเวลาเปล่า เนื่องจากมันเป็นได้แค่เครื่องมือทางการเมืองตามปกติ แล้วปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข เพราะการพูดเรื่องการปฏิรูปประเทศที่ผ่านมมาตลอด จนถึงทุกวันนี้ไม่ได้ทำกันสักเรื่องเลย และหลายอย่างกลับยิ่งแย่ลงไปอีก”
นายจตุพร กล่าวว่า การนำเสนอปฏิรูปกันอีกอย่างเป็นระบบแล้ว ต้องเปิดกว้างทุกฝ่าย อย่างน้อยที่สุด เบื้องต้นต้องทนฟังความจริงกัน ว่า เรากำลังจะเดือดร้อนกันอยู่ในสถานการณ์ไหน จะบอกประชาชนเตรียมตัวกันอย่างไร และจะใช้ชีวิตกันอย่างไร ซึ่งไม่ง่ายเลย
ถ้าจะมองกันบนความเป็นจริงแล้ว ควรต้องวางแผนชีวิตประชาชนให้เตรียมตัวอะไรบ้าง ตนเชื่อถ้าร่วมมือกันวางแผนกันดีๆ แล้ว จะพลิกฟื้นกันได้ แต่ถ้าทุกฝ่ายรอความหายนะของอีกฝ่ายแล้ว จะเป็นอุปสรรคต่อบ้านเมืองและประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ
“เมื่อพูดการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว ครั้งนี้ขออย่าเอาแบบเดิมได้หรือไม่ อย่าคิดมักง่ายแบบเดิมพูดแล้วไม่ทำ และอย่าใช้เป็นคำลวงกันอีก แม้ช่วงปกติคำลวงไม่ได้เกิดความเสียหายก็ตาม เพราะไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วใครจะเชื่ออีก”
อีกทั้ง ถ้าหยิบยกการปฏิรูปขึ้นมาเพื่อไม่ต้องการคำด่า และไม่ต้องการความสำเร็จในทางปฏิบัติ เพราะตนเชื่อว่า สิ่งที่ดำรงอยู่ในระบบปัจจุบันแก้ไขปัญหาชาติไม่ได้ จึงควรมาพูดคุยกัน ออกแบบกันใหม่ในช่วงสถานการ์ที่เลวร้ายนี้ เพื่อรักษาประเทศให้รอด รักษาชีวิตประชาชนให้รอด ซึ่งต้องการความคิดนอกตำรา หากคิดตามกรอบทำอะไรไม่ได้เลย
นายจตุพร ย้ำว่า ขออย่าจุดประเด็นการปฏิรูปมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง มาสร้างความตื่นเต้นให้กับคน เพื่อให้คนลืมความหิวกันไปได้บางเวลา ถ้าไม่มีความจริงแล้วก็ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้เลย เพราะคนกำลังเดินไปสู่ทางตันของชีวิตแทบทั้งสิ้น
“เมื่อยกการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่เกิดความร่วมมือจากทุกฝ่ายแล้ว ก็เป็นเวทีของการหลอกกันไปหลอกกันมา กลายเป็นคำโกหกคำที่ใช้ไม่ได้ แต่เมื่อยกขึ้นมาแล้ว ถ้าคิดกันแบบเดิมคนก็สาปแช่ง การพูดถึงการปฏิรูปเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ไม่ทำก็กลายเป็นคำเหน็บแนม แต่สถานการณ์ของประเทศในอนาคตนั้น จะเป็นเช่นนั้นต่อไปไม่ได้ เพราะไม่ปฏิรูปอะไรมันก็พัง ไม่ทำอะไรเลยก็พัง จะทำอะไรเลยก็ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ ถ้าแก้ไขปัญหากันไม่ตรงจุด”
นายจตุพร ย้ำข้อเสนอว่า ถ้าจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต้องเปิดกว้าง ทำกันจริง ทุกคนต้องเสียสละ อย่ายึดมั่นถือมั่น ถ้าเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะหน้าแล้ว เราผ่านวิกฤตของประเทศไปไม่ได้ อีกทั้งที่ผ่านมา ตนไม่เคยได้ยินข่าวดีทางเศรษฐกิจเลย มีแต่ความหายนะรออยู่เบื้องหน้า
เมื่อยกการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว ขอให้มองกันให้ขาด อย่าเอามาเป็นคำลวงอีก เพราะคำลวงในช่วงประเทศเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้นการเริ่มต้นพูดคุย ต้องเป็นฝ่ายผู้มีอำนาจดำเนินการกัน
“ผมเป็นคนไทย รักชาติบ้านเมือง ต้องการส่งเสียงดังๆกันว่า ถ้าไม่จัดการประเทศกันใหม่เราไปไม่รอด เมื่อทุกอย่างเลวร้ายเกินกว่า จะคิดในรูปแบบปกติแล้ว ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการให้เกิดขึ้นนั้น วันนี้ต้องร่วมกัน ต้องคิดกัน เราต้องคิดใหญ่กัน แล้วต้องใจใหญ่ด้วยจึงจะนำพาประเทศรอด”
June 09, 2020 at 06:48AM
https://ift.tt/30jvZlD
'จตุพร'สวน'ส.ว.'จุดพลุปฏิรูปประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเมือง - สยามรัฐ
https://ift.tt/39JQ0CU
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'จตุพร'สวน'ส.ว.'จุดพลุปฏิรูปประเทศ เป็นเครื่องมือทางการเมือง - สยามรัฐ"
Post a Comment